คุณเป็นอีกคนที่ “เบื่ออออ & มองข้าม” เรื่องนี้ด้วยรึป่าววว !???
ถ้าพูดถึง “เรื่องน่าเบื่อ แต่เป็นเรื่องที่สำคัญ” และติดโผ 1ใน 5 ที่คนทั่วไปมักมองข้าม คงหนีไม่พ้น “เรื่องประกันชีวิต” อย่างแน่นอนค่ะ หลายๆท่านมักจะคิดว่าเป็นการเสียเงินโดยใช่เหตุ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำ
อีกทั้งยังมีความรู้สึกในแง่ลบต่อธุรกิจประกันชีวิต แต่ถ้าพูดถึงสิทธิประโยชน์ที่ทุกคนจะได้รับ ในแง่ของการลดหย่อนภาษี เจ็บป่วยเบิกได้โดยไม่เดือดร้อนเงินในกระเป๋า และเป็นทุนการศึกษาให้ลูกได้เรียนจบตามที่คุณตั้งใจ หรือแม้กระทั่งเป็นมรดกให้กับคนข้างหลัง ในวันที่เสาหลักของบ้านจากไปก่อนวัยอันควรและประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ทุกคนคงเริ่มมองเห็นคุณค่าและเปิดใจยอมรับกันบ้างแล้วแน่ๆเลยค่ะ
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด หากเราลองศึกษากันอย่างถ่องแท้เราจะพบว่า....
ประกันชีวิตเป็นอีกหนึ่งช่องทางของการวางแผนการเงิน และเป็นการกระจายความเสี่ยงเพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ดังนั้นเพื่อเป็น การรักษาผลประโยชน์ของพวกเราทุกคน วันนี้เรามาทำความรู้จักเบื้องต้นกันก่อนว่า ประกันชีวิตหมายถึงอะไร? มีกี่ชนิด? และมีกี่ประเภท? กันค่ะ
ประกันชีวิตหมายถึง สัญญาต่างตอบแทนระหว่างคู่สัญญา ที่เรียกว่า “ผู้เอาประกัน”มีหน้าที่จ่ายเบี้ยประกันให้อีกฝ่ายหนึ่งคือ“บริษัทประกันชีวิต” และเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต หรืออยู่ครบสัญญา ทางฝ่ายบริษัทประกัน ก็มีหน้าที่จ่ายผลตอบแทนที่เราเรียกกันว่า “ทุนประกัน” ให้แก่ผู้เอาประกัน หรือผู้รับผลประโยชน์ตามสัญญาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์นั่นเอง
ประกันชีวิต แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. มีเงินปันผล
เป็นเงินที่ได้มาจากเงินส่วนเกิน ซึ่งเกิดจากการดำเนินงานของบริษัท โดยอัตราเบี้ยประกันภัยชนิดนี้จะสูงกว่าชนิดไม่มีเงินปันผล
2.ไม่มีเงินปันผล
บริษัทจะไม่จ่ายเงินปันผลให้แบบประกันชนิดนี้ ไม่ว่าบริษัทจะมีกำไรหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นอัตราเบี้ยประกันภัยจึงต่ำกว่าชนิดที่มีเงินปันผล
ประกันชีวิต แบ่งได้ 3 ประเภท คือ
1. ประเภทสามัญ (Ordinary Life Insurance)
2. ประเภทอุตสาหกรรม (Industrial Life Insurance)
3. ประเภทกลุ่ม (Group Life Insurance)
สำหรับ “ประกันชีวิตแต่ละประเภท” นั่นจะมีผลประโยชน์และลักษณะความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไปอย่างไร ในวันนี้เราจะมาศึกษาประเภทสามัญกันก่อน เนื่องจากเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนการเงินส่วนบุคคลมากที่สุดค่ะ
ประกันชีวิตประเภทสามัญ (Ordinary Life Insurance)
เป็นการประกันชีวิตรายบุคคล จำนวนเงินเอาประกันภัยค่อนข้างสูงเหมาะกับผู้เอาประกันที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป สามารถชำระเบี้ยเป็นรายปี, ราย 6 เดือน, ราย 3 เดือน หรือรายเดือนก็ได้ ส่วนการตรวจสุขภาพก่อนทำประกันนั้นขึ้นอยู่กับบริษัท โดยพิจารณาจากอายุ จำนวนเอาประกันภัย และสุขภาพของผู้เอาประกันภัย ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 แบบ ดังนี้ค่ะ
เห็นด้วยมั๊ยคะ “ประกันชีวิตไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อและไม่มีประโยชน์กับเรา” อีกต่อไป แต่ในทางกลับกัน ประกันชีวิตช่วยเติมเต็มให้แผนการเงินของเราสมบูรณ์ และตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว
และนี่คือหนึ่งในแผนการเงินที่สำคัญที่สุด...ที่คุณไม่ควรมองผ่าน