รูดปรื๊ด รูดปรื๊ด … สบาย … จริงเหรอ
เมื่อพูดถึงเรื่อง “รูด … รูด” ใช่เลย เรากำลังจะพูดถึง “บัตรเสกฝัน’’… เงินไม่ต้อง ขอเพียงมีบัตร สองเท้าก้าวเข้าไปให้ไวๆ 0% รออยู่ เอาของไปใช้ก่อนเท่ห์ก่อนใคร ผ่อนนิดๆไม่กระทบรายได้ !
“บัตรเครดิต” คืออะไรใครตอบได้บ้าง … บัตรเครดิต คือ เครดิตที่ทุกคนได้รับอนุมัติจากสถาบันการเงิน มีวงเงินใช้ได้ในปัจจุบัน แต่ต้องจ่ายคืนในอนาคตตามกำหนดเวลา
คุณสมบัติหลักของบัตรนี้ คือ “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง” แต่ถ้าใช้ไม่เป็นจะได้ “ฉายารูดมันวันนี้ โศกาวันหน้า’’ ดังนั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่มีบัตรเครดิตแล้ว ต้องใช้ให้เป็น!! ขีดเส้นใต้หลายๆ ขีดพร้อมกับทำตัวหนาเอาไว้เลยค่ะ ถ้าใช้ไม่เป็นเราจะเป็นหนี้ก้อนโตโดยไม่รู้ตัว แต่อย่าเพิ่งมองว่าบัตรเครดิตน่ากลัว เพราะถ้าเราเป็นคนที่มีวินัยทางการเงินที่ดี ขอขีดเส้นใต้อีกครั้งตรงคำว่า วินัย คุณจะได้ประโยชน์ จากการใช้บัตรมากมาย เช่น …
- โปรโมชั่นจากธนาคาร ให้ผ่อนชำระจากการซื้อสินค้าดอกเบี้ย 0%
- ได้แต้มสะสม โปรโมชั่นแลกของต่างๆ
- ได้ส่วนลดราคาสินค้าจากการใช้แคมเปญของบัตรนั้นๆ
- ได้เครดิต 45 วัน ซึ่งเป็นช่วงปลอดดอกเบี้ย ผู้ถือบัตรมีโอกาสนำเงินสดที่ยังไม่ต้องชำระไปหาผลตอบแทนได้ในระยะสั้นๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำมากๆ
อีกมากมายเลยค่ะ สำหรับประโยชน์ของบัตรเครดิต ไม่ใช่แค่เพียง 3 ข้อที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่ในเมื่อการถือบัตรเครดิตมีข้อดีตั้งมากมายแบบนี้ แล้วทำไม Jida ต้องซีเรียสด้วยล่ะ
ก็เพราะใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตจะบอกพฤติกรรมการใช้จ่ายของเรา และหนี้จากบัตรเครดิตนี่แหละค่ะ ที่จะทำให้เราไปสู่อิสรภาพทางการเงินช้าลง ไม่ทันเพื่อน บอกแบบนี้อาจจะยังไม่เห็นภาพเท่าไหร่ เรามาดูกันให้ละเอียดขึ้นนะคะ
รูดบัตรชำระแค่ขั้นต่ำ Oh My God ! จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
สมมุติได้บัตรมา 1 ใบ วงเงิน 100,000 บาท ดอกเบี้ยบัตรเครดิตประมาณ 19-25% ซึ่งแล้วแต่ธนาคารผู้ออกบัตร แต่ต้องไม่เกินที่แบงค์ชาติกำหนด
ยกตัวอย่าง น้องจริงใจใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าในวันที่ 5 ต.ค.เป็นเงิน 50,000 บาทและไม่ได้ใช้บัตรนั้นอีกเลย ธนาคารสรุปยอดรายการวันที่ 25 ต.ค. เป็นจำนวนเงินเรียกเก็บ 50,000 บาท และมีระยะเวลาหลังจากมีการสรุปยอดประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อให้น้องจริงใจมีเวลาหาเงินมาชำระก่อนวันที่กำหนดตามระบุในใบเรียกเก็บ ซึ่งในใบแจ้งจะระบุให้ชำระก่อนวันที่ 10 พ.ย.
ถึงกำหนดวันที่ 10 พ.ย.น้องจริงใจเลือกชำระขั้นต่ำ ที่ 5,000 บาท (10%) ธนาคารผู้ออกบัตรจะคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ใช้ไป 2 ช่วงรวมกัน เริ่มตั้งแต่ วันที่ใช้บัตรถึงวันที่ปิดยอดบัตรเครดิต5ต.ค.-10 พย. (สมมุติว่าดอกเบี้ย 20%:ปี)
50,000* 20% *36วัน / 365 วัน = 986.30 บาท
ดอกเบี้ยช่วงที่ 2 วันถัดจากวันที่ปิดยอด-วันที่ค้างชำระ 26 ต.ค.-10 พ.ย
45,000*20%*16 วัน / 365 วัน = 394.52 บาท
สรุป ถ้าน้องจริงใจเลือกชำระขั้นต่ำโดนดอกเบี้ยแน่ๆ
986.30 + 394.52 = 1,380.82 บาท
วันที่ 25 พ.ย.ธนาคารสรุปยอดรายการอีกครั้ง โดยระบุยอดที่ต้องชำระรวม 46,380.82 บาท กำหนดชำระภายใน 10 ธ.ค.ถึงแม้น้องจริงใจจะเตรียมเงินไปชำระทั้งหมด 46,380.82 บาทในวันที่ 10 ธ.ค. แต่ก้อจะยังมีดอกเบี้ยค้างชำระจากวันวันที่ 26 พย.-9 ธ.ค.ดังนั้นจะยังมียอดเรียกเก็บดอกเบี้ยค้างอีกในวันที่ 25 ธ.ค.เป็นจำนวน 345.20 บาท
รูดปุ๊บ .. เงินไหลมาปั๊บ ! นำบัตรเครดิตกดเงินสด
Jida จะบอกว่าแบบนี้โดนหนักกว่าแบบแรกอีก เพราะแบบแรกรูดซื้อสินค้าโดนดอกเบี้ยตอนจ่ายคืนไม่ครบ แต่ถ้ากดเงินสดแบบนี้จะโดนตั้งแต่เงินไหลออกมาเลยค่ะ ถ้ากดเงินสดต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 3% ของยอดที่กดเงินสด และตอนชำระคืน ถ้าจ่ายขั้นต่ำก็ยังโดนดอกเบี้ยอีกด้วย แบบนี้เรียก …
“โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง” ค่ะ ยังไงคิดให้ดีๆ ก่อนใช้นะคะ
การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ถ้าเราชำระไม่เต็ม 100% ของที่ใช้ไป
อาจจะมีผลต่อการพิจารณาสินเชื่อถ้าเราจำเป็นต้องกู้เงินกับธนาคารเพื่อซื้อทรัพย์สิน หรือหลักทรัพย์ใดๆ ที่ต้องการแต่มีเงินไม่พอ ทางธนาคารจะขอเครดิตบูโร คราวนี้ล่ะก็ … รู้หมดเลยว่าเรามีพฤติกรรมในการชำระหนี้แบบไหน ถึงเวลาสำคัญจริงๆแล้วเครดิตไม่ผ่าน จะหาว่า Jida ไม่เตือนล่วงหน้าไม่ได้นะคะ
เมื่อรู้จักกับบัตรเครดิตมากขึ้นแบบนี้แล้วมี“สติ” คิดให้ดีก่อนว่าที่กำลังจะรูดปรื๊ดเนี่ย … “เราจำเป็น หรือ เราต้องการ” ถ้าแค่สนอง need อยากให้คิดก่อนเลยว่า วันดิวชำระวันไหน เมื่อถึงวันชำระเรามีความสามารถที่จะชำระได้ 100% หรือไม่ เมื่อเราได้คิดและเตรียมการวางแผนการเงิน พร้อมทั้งมีวินัยที่ดี บัตรเครดิตก็จะเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ให้ประโยชน์แก่พวกเราได้ค่ะ
และถ้าอยากวางแผนการใช้บัตรเครดิตแบบเก๋ๆ มีประโยชน์ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปรึกษา DD-wealth น๊า
Jidapa Srinuang, CFP®
นักวางแผนการเงิน