‘เก็บก่อนใช้’ หรือ ‘ใช้ก่อนเก็บ’ แบบไหนเงินเหลือ?

    ค่านิยมของคนไทยตั้งแต่ดั้งเดิม...คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่ของหลายๆ บ้าน ซึ่งรวมถึงบ้านของ Jida ด้วย จะให้เงินลูกหลานเวลาไปโรงเรียน เพื่อเป็นเงินติดตัวไว้ใช้จ่ายซื้อขนมนมเนยเวลาพัก โดยมักจะให้เงินพร้อมกับบอกพวกเราทุกครั้งว่า "ลูกเอาเงินค่าขนมไปโรงเรียนนะ แต่อย่าใช้หมดล่ะ เหลือกลับมาหยอดกระปุกออมสินที่บ้านด้วย" แต่ปรากฏว่ากลับจากโรงเรียนทีไร เหลือเงินบ้างไม่เหลือบ้างตามแต่ว่าระหว่างวันมีขนมหรือของเล่นอะไรน่าสนใจแค่ไหนทุกที คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่ที่บ้านเองก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไรเพราะเห็นว่ายังเป็นเด็ก และพอผู้ใหญ่ไม่ได้กวดขัน หรือเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ เราก็ทำแบบนี้ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ กลายเป็นมีนิสัย ‘ใช้ก่อนเหลือค่อยเก็บ’ ติดตัวมาตั้งแต่ยังเล็กๆ

       ไม่ทราบบ้านไหนเป็นเหมือน Jida บ้างยกมือขึ้นสูงๆ แบบไม่ต้องอายค่ะ แต่!!! ยังค่ะยัง...ยังไม่สายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นใหม่นะคะ

       การวางแผนการเงินยุค 4.0 ที่บอกว่า ‘หาเก่งไม่สู้เก็บเก่ง’ นั้นหมายความว่า ต่อให้ขยันทำงาน มีรายได้หรือเงินเดือนสูงแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะมีเงินเหลือเยอะๆ ถ้าไม่รู้จักการเก็บเงิน เผลอๆ อาจจะสู้คนที่มีรายได้ไม่มากแต่มีนิสัยมัธยัสถ์ มีวินัยในการเก็บเงิน ซึ่งคนที่รู้จักเก็บเงินนั้นมีโอกาสบรรลุเป้าหมายทางการเงินมากกว่าแน่นอน ดังนั้นวันนี้เรามาเริ่มต้นพร้อมๆ กัน ด้วยการสร้างวินัย เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมง่ายๆ นะคะ

จากเดิมที่ ‘ใช้ก่อนเก็บ’

มาเป็น ‘เก็บก่อนใช้’

       เพียงแค่ฝึกเรื่องเล็กๆ เท่านี้ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี จนกลายเป็นนิสัย พวกเราทุกคนก็จะเริ่มมีเงินออมกันเต็มกระเป๋าแล้วล่ะค่ะ

‘ออมก่อนรวยกว่า...อย่าลืมจร้า’

Jidapa Srinuang, CFP®
นักวางแผนการเงิน